คาสิโนออนไลน์ที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมเล่น คือเกมแบล็คแจ็ค (Blackjack) ซึ่งมีกติกาที่ไม่ซับซ้อนและมีอัตราการชนะที่สูง ในยุคที่เทคโนโลยีได้พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ การเล่นแบล็คแจ็คได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และสามารถเล่นเกมนี้ทุกที่ทุกเวลา โดยเพียงแค่มีสมาร์ทโฟนที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
รูปแบบการเล่นแบล็คแจ็ค
เกมแบล็คแจ็คเป็นเกมที่เล่นไพ่แบบยอดนิยมในประเทศไทยในปัจจุบัน ใช้สำรับไพ่มาตรฐาน 52 ใบ ผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับไพ่ 2 ใบจากเจ้ามือ แล้วจะมีการจั่วไพ่เพิ่มโดยเจ้ามือตามเข็มนาฬิกา จุดประสงค์ของผู้เล่นคือให้คะแนนรวมของไพ่ในมือใกล้เคียงหรือเท่ากับ 21 แต้ม แต่ต้องไม่เกิน 21 แต้ม และที่ยิ่งใหญ่กว่าเจ้ามือ
คำศัพท์ที่ใช้ในแบล็คแจ็ค
ก่อนที่จะเริ่มเล่นแบล็คแจ็ค คุณควรทราบคำศัพท์ที่ใช้ในเกมนี้ นี่คือคำศัพท์ที่ใช้บ่อยๆ:
- นายธนาคาร: คือบุคคลหรือกลุ่มคนที่เปิดเกมคาสิโน พวกเขาจะจ่ายเงินให้กับผู้เล่นเมื่อพวกเขาชนะและรับเงินจากผู้เล่นเมื่อพวกเขาแพ้
- ผู้เล่นหรือเด็ก: เป็นผู้ที่มาเล่นเกมคาสิโน
- กฎบ้าน: กฎกติกาในคาสิโนที่กำหนดให้เจ้ามือตัดสินใจหรือไม่จัดการตามสิทธิ์ที่ได้รับ
- จั่ว: เป็นกระบวนการในการสุ่มไพ่ ผู้เล่นจะจั่วไพ่ 1 ใบและสามารถจั่วไพ่เพิ่มได้อีก 3 ครั้ง ในทุกครั้งที่จั่ว ผู้เล่นจะได้รับไพ่ 1 ใบ จำนวนจั่วมากที่สุดคือ 5 ใบ
- วิ่ง: เมื่อผู้เล่นมีคะแนนรวมเท่ากัน (เท่ากัน) จะเรียกว่าวิ่ง
- จั่วการ์ด: เป็นกระบวนการในการจั่วไพ่เพิ่ม หากเปิดการ์ดในระหว่างการจั่วอาจหยุดการจั่วได้
- หยุด: เมื่อคะแนนในมือของผู้เล่นใกล้เคียงหรือเท่ากับจำนวนแต้มที่ต้องการ ผู้เล่นจะเลือกหยุดจั่วไพ่เพิ่ม
- การยืดเวลา: เมื่อผู้เล่นเริ่มจั่วไพ่แล้วเห็นว่าไพ่ในมือดีอยู่แล้ว ผู้เล่นอาจเลือกยืดเวลาในการจั่วเพื่อให้คิดอย่างตั้งใจ
- อายุเต็ม: คือเงื่อนไขสำหรับผู้เล่นที่เปิดการ์ดเมื่อเข้าร่วมเกมคือต้องมีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 16 ปี และสำหรับบ้านคือ 15 ปี
- อายุต่ำกว่า: คือกลุ่มอายุของผู้เล่นที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี และเจ้ามือที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี
- การขึ้นบอลลูน: เมื่อผู้เล่นหรือเจ้ามือมีแต้มรวม 18 เมื่อเปิดไพ่ จะเรียกว่าลูกเล็ก ผู้เล่นอาจได้รับอนุญาตให้เปิดไพ่เมื่อแต้มรวมในมือน้อยกว่า 21
- การรวมเงิน: เมื่อคุณแพ้ คุณต้องจ่ายเงินให้กับผู้ชนะ
- 21: เป็นจำนวนคะแนนรวมที่สูงสุด ในเกมแบล็คแจ็คคือ 21
- Blackjack: เมื่อเจ้ามือมีไพ่ A ร่วมกับไพ่ J, Q, K หรือ 10 ใบ จะเรียกว่าแบล็คแจ็ค
- Five Spirits: เมื่อผู้เล่นจั่วไพ่ครบ 5 ใบแล้วคะแนนรวมจะน้อยกว่า 21
- แต้มรวม: คือคะแนนรวมของไพ่ทั้งหมดในมือของผู้เล่น
วิธีคำนวณแต้มแบล็คแจ็ค
- ไพ่ตั้งแต่ 2 ถึง 10 จะนับคะแนนตามหมายเลขที่แสดงบนไพ่แต่ละใบ
- ไพ่ J, Q, K นับคะแนนเป็น 10 แต้ม
- ไพ่ A มีคะแนนดังนี้:
- ไพ่ A 1 ใบ นับเป็น 1 หรือ 11 แต้ม (ผู้เล่นสามารถเลือกใช้คะแนนเหมือนกับที่ใกล้เคียงกับการชนะมากที่สุด)
- ไพ่ A 2 ใบคือโป๊กเกอร์ นับเป็น 1 แต้ม
- ไพ่ A ที่มีจำนวนไพ่ทั้งหมดในมือของผู้เล่นเท่ากับหรือมากกว่า 3 ใบ นับเป็น 1 แต้ม
กฎข้อ Blackjack และวิธีการเล่น
การเล่นแบล็คแจ็คไม่ซับซ้อน และหากคุณทราบกฎพื้นฐานของเกมนี้ คุณสามารถเริ่มเล่นได้ง่ายๆ นี้คือกฎและวิธีการเล่นแบล็คแจ็ค:
- ผู้เล่นจะได้รับไพ่ 2 ใบจากเจ้ามือ
- ผู้เล่นทำการทดสอบและให้คะแนน จากนั้นวางแผนว่าจะจั่วไพ่เพิ่มหรือไม่
- หลังจากที่ผู้เล่นทุกคนได้จั่วไพ่ทั้งหมดแล้ว มาถึงตาของเจ้ามือ ที่เจ้ามือจะมีสิทธิ์พิจารณามือของผู้เล่นคนใดก็ได้และจั่วอีกครั้ง
คำนวณแต้มและการเปรียบเทียบ
โดยคะแนนของไพ่ในแบล็คแจ็คจะนับเป็นจำนวนรวมของแต้มของไพ่ทั้งหมดในมือของผู้เล่น คำนวณแต้มอย่างง่ายๆ โดยคิดเลขเพิ่มกันของค่าของไพ่ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
ลำดับความแข็งแกร่งของมือในแบล็คแจ็คจากแต้มรวมต่ำสุดไปสูงสุดคือ:
- Five Spirits: มือที่มีคะแนนรวมน้อยกว่า 21 จากการจั่วไพ่ครบ 5 ใบ
- พอ (16 – 21 แต้ม): มือที่คะแนนรวมอยู่ในช่วง 16-21 แต้ม
- ควอช (มากกว่า 21 แต้ม): มือที่คะแนนรวมเกิน 21 แต้ม
กรณีพิเศษ:
- หากเจ้ามือมีแบล็คแจ็คหรือแบล็คแจ็ค ผู้เล่นจะถูกนับเป็นผู้แพ้ ยกเว้นในกรณีที่ผู้เล่นมีแต้มเท่ากับหรือสูงกว่าเจ้ามือ ในกรณีนี้ ระบบจะเปรียบเทียบมือของเจ้ามือกับผู้เล่นที่เหลือโดยอัตโนมัติ และเกมจะหยุดทันทีหลังจากนั้น
- หากผู้เล่นมีแบล็คแจ็คหรือแบล็คแจ็ค ผู้เล่นคนนั้นได้รับอนุญาตให้จั่วไพ่เพิ่มและต้องเปรียบเทียบไพ่กับเจ้ามือทันที
สรุป
แบล็คแจ็คเป็นเกมคาสิโนที่น่าสนุกและไม่ซับซ้อน การเล่นเกมนี้ต้องใช้กลยุทธ์เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะ ฝึกฝนและเรียนรู้กฎของเกมนี้จะทำให้คุณเป็นผู้เล่นที่ชำนาญ ขอให้โชคดีในการเล่นแบล็คแจ็ค!